ในชีวิตเราย่อมต้องมีการตัดสินใจต่างๆ มากมาย เข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันตระหนักได้ว่า เมื่อไรก็ตามที่เลือกเส้นทางที่ถวายเกียรติและเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า ทางเลือกนั้นมักราบรื่น ลงตัว ไม่สะดุด แต่ได้รับพรและการสนับสนุน ต่างจากทางเลือกที่ต้องการเอาใจมนุษย์หรือความต้องการของโลกนี้ ที่มักจะหนักหน่วง เป็นภาระและไม่มีทางเติมเต็มหรือให้เป็นที่พอใจกับใครๆ ได้เลย
พระวจนะในบทความรัก 1 โครินธ์ 13:8 บันทึกว่า "ความรักไม่มีวันสูญสิ้น" และได้อธิบายความต่อไปอีก 4 ข้อถึงสิ่งซึ่งมีวันสิ้นสลายเสื่อมไป จนกระทั่งกล่าวสรุปในข้อ 13 ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายของบทว่า ดังนั้น "ให้เราจงตั้งมั่นอยู่ในสามสิ่งได้แก่ ความเชื่อ ความหวังใจ ความรัก และสิ่งทียิ่งใหญ่สูงสุดทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือ ความรัก นั่นเอง"
แรงผลักดันขับเคลื่อนชีวิตที่ทรงพลังสูงสุดก็คือความรัก หากเรากระทำทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นฐานของความรักแล้วหล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นคือความอิ่มเอม สุขใจ ความสำเร็จ และชัยชนะที่แท้จริงในชีวิต เพราะในความรักนั้น ไม่มีความอิจฉา ริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ทรยศหักหลัง ความไม่ซื่อสัตย์ หรือเห็นแก่ตัวเจือปนอยู่
มีคำอวยพรให้กำลังใจมากมายที่มักถูกถ่ายทอดมาด้วยความตั้งใจให้ผู้รับนั้นเกิดพลังและมีจิตใจเข้มแข็งมุ่งมั่นขึ้นเพื่อฝ่าฟันเอาชนะอุปสรรคบางอย่างที่เขาเผชิญอยู่ และส่วนมากหรือในที่สุดแล้วผู้ที่ยังคงต้องเผชิญกับ "การต่อสู้ดิ้นรน" ต่อไปเพียงลำพัง ก็คือผู้ที่ได้รับกำลังใจนั่นเอง ทว่า เมื่อพระเจ้าทรงกำชับให้เราเข้มแข็งและกล้าหาญ พระองค์ไม่ได้หยุดอยู่แค่คำหนุนใจนั้น แต่ทรงให้คำมั่นสัญญากับเราอย่างชัดเจนแน่วแน่ว่า พระองค์จะทรงอยู่ด้วยกับเราและไม่ทอดทิ้งไปไหนเลย ในการต่อสู้ดิ้นรนนั้นพระองค์จะดำเนินไปกับเรา พาเราก้าวไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จ ชัยชนะ หรือเสรีภาพอย่างแน่นอน
ในเกือบทุกสังคม ชนชั้น และอารยธรรม มักมีเรื่องราวความยิ่งใหญ่เกี่ยวกับความศรัทธาของสาวก ผู้เชื่อในบริบทแห่งศรัทธานั้นๆ และเมื่อลองจำแนกพิจารณดูจะเห็นได้ว่า ความศรัทธาที่ถูกหล่าวขานถึงมักเป็นเรื่องราวของความ ยิ่งใหญ่แห่งแรงศรัทธาของผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้รับการยกย่อง เช่นให้มากบริจาคมากก็ว่าศรัทธามาก หรือ ปฏิบัติมากก็คือศรัทธาแรงกล้ามาก จะมองทางไหนก็ยังเกียวข้องกับความ "สามารถ" ในการสำแดงออกถึงศรัทธาของผู้นั้น ทว่า ในอีกท่วงทำนองหนึ่งที่อาจลืมนึกถึงนั่นก็คือ ปฐมบทหรือที่มาของความศรัทธา ความยิ่งใหญ่แห่งศรัทธาที่แท้จริงแล้วนั้น คือ ความใหญ่ยิ่งของพระองค์ผู้ซึ่งเรานั้นศรัทธามิใช่หรือ
สิ่งที่ตาเรามองเห็นได้ แล้วช่วยให้เราได้ตัดสินใจเลือกนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นแค่เพียงความมั่นใจเพราะคุณได้เห็นแล้วคุณก็ไม่ต้องเชื่อแต่ลุยเลย ทว่า ความเชื่อที่แท้จริงนั้น คือความมั่นใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็นกับตาว่ามีอยู่จริงและจะปรากฏเกิดขึ้นจริง ต่างหากที่เรียกว่า "ความเชื่อมั่นศรัทธา"
การปกป้องชีวิตให้เกิดสมดุลที่ดีที่สุดคือ การมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันกาล ด้วยการปล่อยวางอดีตที่ฉุดรั้งหรือขวางสะกัดไว้ไม่ให้เราดำเนินต่อไป เราควรปดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นด้วยการปล่อยวาง และไม่มัวเอาตัวเองไปผูกไว้กับความฝันจนละเลยสถานภาพที่กำลังดำเนินไป ทว่า เราควรอยู่กับวันนี้ให้เต็มร้อย ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และให้มีความเชื่อมั่นศรัทธาถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงว่า พระเจ้าจะทรงนำทางและจัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้สำหรับเราเสมอไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร พระเจ้าทรงมีทางออก มีผลลัพท์ มีอนาคตและความหวังใจให้กับเราแน่นอน ดังนั้นหน้าที่ของเราคือใช้ชีวิตในวันนี้อย่างรู้คุณค่า และมีความสุข ไม่กระวนกระวาย